top of page

ผลตอบแทนจากการลงทุน

การลงทุนมีความสัมพันธ์กับด้านผลตอบแทน (Returns) และความเสี่ยง (Risks) การที่คนเราลงทุนก็เพราะเราคาดหวังจะได้รับผลตอบแทนเท่านั้นเท่านี้ แต่บางครั้งไม่เป็นไปตามที่คาดหมาย จึงต้องอยู่ภายใต้ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ด้วย ผลตอบแทนจากการลงทุน มีหลายรูปแบบได้แก่


1.รายได้ตามปกติ (Current income) รายได้ตามปกติได้แก่ ดอกเบี้ยหรือเงินปันผลในกรณีที่บุคคลซื้อพันธบัตรหรือลงทุนในหุ้นต่าง ๆ ซึ่งกำหนดเวลาก็จะได้รับดอกเบี้ยหรือเงินปันผลตามที่บริษัทระบุไว้


2.กำไรจากการซื้อขายหุ้น (Capital gains) ในกรณีของหุ้นสามัญที่บุคคลลงทุนซื้อไว้มีราคาสูงขึ้น ซึ่งเมื่อขายออกไปแล้วจะได้กำไร
      

3.ค่าเช่า (Rent) ในการลงทุนซื้อทรัพย์สินโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกอสังหาริมทรัพย์ เช่นที่ดิน บ้าน อพาร์ตเมนท์ ที่อยู่อาศัย เมื่อนำไปให้ผู้อื่นเช่าก็จะมีรายได้ ค่าเช่าเป็นรายได้ที่คืนมาสู่เจ้าของ
      

4.ผลตอบแทนอื่น ๆ (Others) เช่นการซื้อหุ้นสามัญก็จะมีสิทธิในหารออกกเสียงเลือกคณะกรรมการของบริษัท และถ้าถือหุ้นไว้มากก็จะมีโอกาสจะได้รับเลือกเป็นผู้บริหารซึ่งสามารถกำหนดนโยบายของบริษัทได้ หรือสิทธิในการซื้อขายหุ้นใหม่ได้ในราคาพิเศษ เป็นต้น

ก่อนลงทุนต้องรู้

การลงทุนตราสารหนี้ หรือการลงทุนระยะสั้น

การลงทุนตราสารหนี้ คือ การลงทุนที่นักลงทุนอยู่ในสถานะเจ้าหนี้ของผู้ออกตราสารหนี้ โดยได้รับผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ยและรับเงินลงทุนคืนเมื่อครบกำหนดสัญญา สำหรับระยะเวลาการลงทุนจะขึ้นอยู่กับชนิดของตราสารหนี้ แต่รวมแล้วจะเป็นการลงทุนระยะสั้น อย่างตั๋วเงินคลังมีอายุไม่เกิน 365 วัน ตั๋วเงินธนาคารแห่งประเทศไทยมีอายุไม่เกิน 365 วัน หุ้นกู้เอกชนระยะสั้นมีอายุไม่เกิน 270 วัน  ทำให้ตราสารหนี้ระยะสั้นจัดในกลุ่มประเภทของการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนอยู่ที่ 2 – 5 เปอร์เซ็นต์ แต่ถึงอย่างนั้นนอกจากผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ยแล้ว นักลงทุนสามารถค่าตอบแทนจากการซื้อขายตราสารหนี้ได้ด้วย

ประโยชน์จากการลงทุนตราสารหนี้

  • มีความเสี่ยงต่ำ ปลอดภัย เงินต้นไม่หาย โดยเฉพาะตราสารหนี้จากรัฐบาล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาเงินลงทุนไว้ หรือผู้ที่ไม่สามารถรับความเสี่ยงสูงๆ ได้ รวมถึงนักลงทุนมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น หรือเพิ่งเริ่มศึกษาหาแนวทางการลงทุน

  • ให้ผลตอบแทนสูงกว่าการนำเงินฝากธนาคาร และสามารถคาดเดาผลตอบแทนได้ เนื่องจากมีการกำหนดระยะเวลาการจ่ายผลตอบแทนที่ชัดเจน

ความเสี่ยงจากการลงทุนตราสารหนี้

  • เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนต่ำ หากมีภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น จะทำให้อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงลดลง หรือมีมูลค่าน้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อได้

  • มีความผันผวนเรื่องอัตราดอกเบี้ย หากดอกเบี้ยปรับสูงขึ้น ตราสารหนี้มีมูลค่าลดลง แต่ถ้าดอกเบี้ยต่ำ ตราสารหนี้มีมูลค่าสูงขึ้น

  • ตราสารหนี้ระยะสั้นเป็นทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องต่ำ ต้องใช้เวลานานในการขาย จึงไม่เหมาะกับคนที่ต้องการเงินหมุนเวียน

การลงทุนในพันธบัตร/ หุ้นกู้ หรือการลงทุนระยะยาว

การลงทุนในพันธบัตรและหุ้นกู้คือ การลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุมากกว่า 1 ปี จัดอยู่ในกลุ่มประเภทของการลงทุนระยะยาว มีลักษณะการลงทุน ผลตอบแทน และความเสี่ยงต่ำคล้ายกับตราสารหนี้ระยะสั้น โดยนักลงทุนที่ครอบครองพันธบัตรหรือหุ้นกู้จะได้รับดอกเบี้ยพร้อมเงินต้นจากผู้ออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้เมื่อครบสัญญา แต่ สำหรับการลงทุนประเภทนี้หากเป็นลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจจะเรียกว่าพันธบัตรรัฐบาล ได้รับผลดอกเบี้ยเฉลี่ยปีละประมาณ 3% แต่ถ้าเป็นการลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยเอกชนจะเรียกว่าหุ้นกู้ ได้รับผลตอบแทนขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบริษัทเอกชนที่เป็นเจ้าของหุ้นกู้ แต่ส่วนใหญ่จะสูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุสัญญาใกล้เคียงกัน จ่ายผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ยปีละ 2 – 4 ครั้ง

ประโยชน์จากการลงทุนในพันธบัตรและหุ้นกู้

  • จัดอยู่ในกลุ่มประเภทของการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ เงินลงทุนปลอดภัย เนื่องจากมีการทำสัญญาซื้อขายระหว่างสถาบันออกพันธบัตรและนักลงทุนอย่างชัดเจน จึงเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบความเสี่ยง

  • ได้ผลตอบแทนสูงกว่าการฝากเงินในบัญชีเงินฝากและสามารถคาดเดาผลตอบแทน เนื่องจากมีการกำหนดระยะเวลาการจ่ายผลตอบแทนที่ชัดเจน

  • ด้วยระยะเวลาการสัญญาการลงทุนจึงเหมาะกับการวางแผนการเงินระยะกลางและระยะยาว แต่หากต้องการเงินหมุนเวียนยังสามารถซื้อขายทำกำไรได้ โดยไม่ต้องรอให้ครบกำหนดสัญญา

ความเสี่ยงจากการลงทุนในพันธบัตรและหุ้นกู้

  • เนื่องจากเป็นการลงทุนระยะยาวจึงต้องมีการวางแผนทางการเงินอย่างรอบคอบ เพราะถึงแม้จะสามารถซื้อขายก่อนครบกำหนดสัญญาได้ แต่เป็นการซื้อขายผ่านนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ราคาจึงเป็นไปตามกลไกลการตลาดจึงอาจขาดทุนได้

  • ในกรณีที่อัตราดอกเบี้ยปรับสูง มูลค่าของพันธบัตรและหุ้นกู้จะลดลง ทำให้เสียโอกาสนำเงินไปลงทุนที่ได้ผลตอบแทนมากกว่า เพราะมีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยตอบแทนคงที่ตลอดอายุสัญญา

  • ถึงแม้ว่าจะกลุ่มประเภทของการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่หุ้นกู้จะมีความเสี่ยงผิดนัดสัญญาชำระหนี้สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาล ก่อนตัดสินใจจึงต้องอาศัยข้อมูลการประเมินความสามารถในการชำระหนี้และเครดิตจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating Agency)

การลงทุนในหุ้น

การลงทุนในหุ้นคือ การลงทุนในหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งนักลงทุนจะเป็นผู้ตัดสินใจซื้อขายด้วยตัวเองผ่านบัญชีหุ้นของบริษัทหลักทรัพย์หรือโบรกเกอร์ โดยปัจจุบันบัญชีหุ้นมีด้วยกันทั้งสิ้น 3 ประเภท ได้แก่ บัญชีวางเงินล่วงหน้า บัญชีเงินสด และบัญชีกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ สำหรับผลตอบแทนจะอยู่ในรูปของเงินปันผลจากกำไรการดำเนินการของบริษัทและส่วนต่างที่ได้จากการซื้อขายหุ้น แต่ผลตอบแทนขึ้นอยู่กับความผันผวนของความต้องการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์และระยะเวลาในการลงทุน ทำให้การลงทุนในหุ้นถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเภทของการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง

ประโยชน์จากการลงทุนในหุ้น

  • เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง โดยเฉลี่ยแล้วการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะได้ผลตอบแทนประมาณ 8 – 12 เปอร์เซ็นต์ต่อปี กรณีถือครองหุ้นในระยะยาว

  • เลือกลงทุนในธุรกิจที่สนใจได้อย่างอิสระ โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนก่อตั้งธุรกิจเอง และที่สำคัญสามารถเริ่มต้นด้วยเงินลงทุนน้อยได้

  • เป็นการลงทุนที่มีสภาพคล่องทางการเงินสูง สามารถซื้อขายเพื่อทำกำไรได้ตลอดเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์เปิดทำการ

  • สามารถใช้หุ้นค้ำประกันเงินการกู้เงินกับสถาบันทางเงินได้ โดยยังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และได้รับเงินปันผลได้เช่นเดิม

ความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้น

  • เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง ราคาหุ้นมีการปรับขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้มีโอกาสขาดทุนสูงเช่นกัน

  • ต้องรับความเสี่ยงเช่นเดียวกับเจ้าของบริษัท เพราะการถือหุ้นเปรียบเสมือนกับการเป็นเจ้าของร่วม หากบริษัทมีขาดทุนติดต่อกันหรือภาพลักษณ์ไม่ดี นอกจากไม่ได้รับเงินปันผล ยังมีโอกาสที่หุ้นมีมูลค่าลดลงด้วย

  • ในตลาดหลักทรัพย์มีหุ้นหลายประเภท ทั้งหุ้นโตช้า หุ้นแข็งแกร่ง หุ้นเติบโต หุ้นวัฏจักร หุ้นฟื้นตัว และหุ้นสินทรัพย์มาก จึงจำเป็นต้องศึกษาและทำความเข้าใจความเสี่ยงของประเภทของการลงทุนอย่างละเอียด

bottom of page